4 โรคแผลในช่องปากทารกช่วงหน้าฝนที่ไม่ควรมองข้าม ป้องกันก่อนลูกน้อยป่วยหนัก
4 โรคแผลในช่องปากทารก ช่วงหน้าฝนที่ไม่ควรมองข้าม
คุณพ่อคุณเคยรู้สึกหรือมีความคิดแบบนี้มั้ย?
เด็กทารกเจ็บคอเจ็บปาก
แต่พูดไม่ได้ พ่อแม่จะรู้ได้ยังไง?
ไม่อยากให้ลูกรักเจ็บป่วย
และทรมาน สังเกตก่อนลูกน้อยป่วยหนักสิคะ!!!
ในช่วงหน้าฝนแบบนี้ โรคในเด็กเล็กคือสิ่งที่พ่อแม่ต้องเฝ้าระวัง เพราะเพียงแค่การไอ จาม หอม
หรือแม้กระทั่งกอด จูบ เท่านี้...เด็กเล็กก็มีโอกาสติดเชื้อได้แล้ว นอกจาก
โรคไข้หวัดใหญ่ โรคไข้เลือดออกแล้ว
มีโรคที่พ่อแม่ต้องเฝ้าระวังนั่นก็คือ 4 โรคร้ายช่องปากในเด็ก ที่พ่อแม่ต้องแยกให้ออก
ซึ่ง 3 ใน 4 โรคที่กล่าวมานี้ สามารถติดต่อได้ และอันตรายร้ายแรงกับเด็กเล็ก
ที่พ่อแม่คาดไม่ถึงเชียวนะคะ
4 โรคร้ายช่องปากในเด็ก
ที่พ่อแม่ ต้องแยกให้ออก
โรคที่ทำให้เกิดแผลในช่องปากในเด็กที่พบบ่อยๆนั้นมีอยู่
4 โรค คือ
1. แผลในปากจากโรคมือ เท้า ปาก
โรคมือ
เท้า ปาก นี้ พบบ่อยในเด็กวัยทารกจนถึง 5 ปี ซึ่งเด็กเล็กที่เป็นโรคมือ
เท้า ปาก
หลังจากได้รับเชื้อ
3-6 วัน จะเริ่มแสดงอาการป่วย เริ่มจากมีไข้ อ่อนเพลีย
เจ็บปาก
และจะมีตุ่มหรือผื่นนูนสีแดงเล็ก
กระจายตามฝ่ามือ ฝ่าเท้า ลำตัว และ ก้น
และจะกลายเป็นตุ่มพองใส
บริเวณรอบๆ อักเสบและแดง ต่อมาจะแตกเป็นแผลหลุมตื้นๆ
อาการจะทุเลาและหายเป็นปกติ
ภายใน 7-10 วัน แต่สามารถเป็นซ้ำได้นะคะ
ลักษณะอาการ
- มีไข้
- เจ็บปาก
- กินอาหารได้น้อย
- มีแผลในปาก
- มีตุ่มน้ำใส
หรือผื่นนูนสีแดงเล็ก กระจายตามฝ่ามือ ฝ่าเท้า ลำตัว และ ก้น
การติดต่อ
- โรคมือ
เท้า ปาก ติดต่อได้จากการการคลุกคลีกับผู้ป่วย
- การสัมผัสกับสารคัดหลั่ง
เช่น น้ำมูก น้ำลาย อุจจาระ และน้ำจากตุ่มใสๆของคนป่วย
- สัมผัสของเล่น
ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ร่วมกัน
วิธีการรักษา
โรคมือ
เท้า ปาก นี้ จะรักษาตามอาการ เช่น
ทานยาลดไข้ เช็ดตัวลดไข้
หยดยาชาลดอาการเจ็บแผลในปาก จะช่วยให้ลูกเจ็บแผลน้อยลง กินอาหารได้ดีขึ้น
ข้อควรระวัง
-
พบบ่อยในเด็กทารกและเด็กที่ต่ำกว่า
5 และ มีอาการรุนแรงกว่าเด็กโต
-
หากมีอาการแทรกซ้อน เช่น
ไข้สูง ซึม อาเจียน หอบ รีบพาไปพบแพทย์ทันที
เพราะอาจติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์รุนแรง
เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้
2. แผลในปากจากโรคเฮอร์แปงไจน่า (Herpangina)
โรคเฮอร์แปงไจน่า (Herpangina) บ่อยในเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 5
ปี เกิดจากการติดเชื้อไวรัสอยู่หลายสายพันธุ์
มีความคล้ายกับโรคมือ
เท้า ปาก แต่จะต่างตรงที่ ไม่มีผื่นสีแดง
หรือตุ่มน้ำ ที่บริเวณฝ่ามือและฝ่าเท้า
ระบาดง่าย
ติดต่อกันได้ง่ายมากเพียงแค่ไอหรือจามเท่านั้น เชื้อนี้จะอยู่ได้นานในอากาศเย็นและชื้น
สามารถพบได้ตลอดทั้งปี แต่จะมาระบาดหนักมาในฤดูฝน
ลักษณะอาการ
- มีไข้ขึ้นสูง
เจ็บคอ คอแดง
- มีแผลในปาก
เพดานปาก ลิ้นไก่ ด้านหลังของคอหอย เพดานอ่อน ขอบทอนซิล ทอนซิล
- เบื่ออาหาร
กินได้น้อย
- อาเจียน
- ถ่ายเหลว
มีเมือก
การติดต่อ
- ติดต่อได้ทางการคลุกคลีกับผู้ป่วย
- สัมผัสกับน้ำลาย
น้ำมูก อุจจาระ ต่าง ๆ
- สัมผัสของเล่น
ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ร่วมกัน
วิธีการรักษา
การรักษาจะรักษาตามอาการ
เช่นเดียวกับมือเท้าปาก ผู้ป่วยควรทานแต่อาหารอ่อน ๆ
ไม่ควรทานอาหารร้อนจัดเพราะอาจกระตุ้นให้เจ็บแผลในปาก (อาจดื่มนมเย็น
หรือไอศครีมได้)
ข้อควรระวัง
- ถ้าไข้สูง
กินอาหารไม่ได้ ปากแห้ง ตาโหล
- ปัสสาวะไม่ออก
แผลในปากน้อยและมีสีเข้มผิดปกติ ควรพาไปพบคุณหมอ เพราะมีภาวะขาดน้ำ
3. แผลในปาก จากเชื้อไวรัสเริม (Herpetic
gingivostomatitis)
โรคแผลในช่องปากเนื่องจากเชื้อไวรัสเริม
(Herpetic gingivostomatitis) นี้ มักเกิดในเด็ก
ที่อายุต่ำกว่า
5 ปี ในทารกและเด็กเล็กมักเกิดจากการดูดนิ้วในขณะที่มีการติดเชื้อเริมในปาก
หรือเกิดจากการจูบมือ
จูบปากของผู้ใหญ่
โดยเริ่มจากเหงือกบวมและระคายเคือง เป็นแผลภายในช่องปากและรอบ ๆ
ปาก
และมีอาการข้างเคียงอื่นๆ ซึ่ง ใช้เวลา 7-14 วันกว่าอาการอื่น ๆ จะหายเป็นปกติ
และแผลในปาก ต้องใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์จึงจะหายสนิท โรคนี้สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้
แม้อาการเคยกำเริบมาแล้วก็ตาม
ลักษณะอาการ
- มีแผลหรือตุ่มน้ำในปาก
และบริเวณ เหงือก เยื่อบุช่องปากลิ้น เพดานปาก และกระพุ้งแก้ม
- มีไข้
- ปวดศีรษะ
- ปวดเมื่อยตามร่างกาย
- เหงือกบวมอักเสบ
และมีเลือดออก
- มีกลิ่นปากที่เหม็น
- ต่อมน้ำเหลืองที่คอและใต้คางโต
- กินอาหารลำบากเพราะเจ็บแผล
วิธีการรักษา
สำหรับผู้ป่วยเด็กที่อาการไม่รุนแรง
และมีภูมิต้านทานแข็งแรงะ รักษาเช่นเดียวกับมือเท้าปากและเฮอร์แปงไจน่า
ทำความสะอาดในช่องปากเพื่อมิให้แบคทีเรียในปากติดเชื้อซ้ำ
บ้วนปากบ่อย
ๆ ด้วยน้ำเกลือ
ทานน้ำเย็น
นมเย็น ไอศกรีม เพื่อช่วยให้ทานน้ำและอาหารได้ดีขึ้น
หากมีอาการรุนแรงกว่าปกติ หรือมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนคุณหมออาจพิจารณาการรักษาเพิ่มเติม
ข้อควรระวัง
- ภาวะขาดน้ำ
เพราะไม่สามารถดื่มน้ำ นม หรือกินอาหารได้ เพราะเจ็บแผลในปากมาก
4. แผลในปาก โรคร้อนใน (APHTHOUS)
แผลในปากที่เกิดจากร้อนในนี้ แตกต่างจากแผลในปากจาก 3 สาเหตุ อย่างชัดเจน
คือจะมีแผลในชองปากไม่กี่ตำแหน่ง
ลักษณะอาการ
- เจ็บปาก
- ไม่มีไข้
- ไม่มีอาการเจ็บคอ
- ตามร่างกายไม่มีผื่น (แตกต่างจากแผลในปากจาก
3 สาเหตุข้างต้นนี้อย่างเห็นได้ชัด )
ข้อควรระวัง
- มีแผลหลายตำแหน่งพร้อม
ๆ กัน ในช่องปาก
- มีไข้ มีผื่น
- มีอาการผิดปกติอื่นๆ ควรไปพบคุณหมอเพื่อพิจารณาตรวจหาสาเหตุค่ะ
ถ้าเราสังเกตอาการลูกเป็นแผลในปากอย่างใกล้ชิด
ก็จะสามารถแยกโรคแผลในปากทั้ง 4 โรคนี้เบื้องต้นได้
และสามารถช่วยให้ลูกน้อยหายจากการเป็นแผลในปากได้เร็วมากยิ่งขึ้น
แต่หากไม่แน่ใจก็ให้พาลูกไปปรึกษาคุณหมอ
เพื่อตรวจหาสาเหตุและจะได้รับการรักษาต่อไปนะคะ
ถึงแม้ว่าจะรักษาความสะอาด
ล้างมือ กินอาหารที่ร้อน ไม่มีความเสี่ยง แต่เด็กเล็กๆก็ยังเสี่ยงมีการป่วยได้
ซึ่ง
3 ใน 4 โรคที่กล่าวมานี้ สามารถติดต่อได้ และอันตรายร้ายแรงกับเด็กเล็ก ที่พ่อแม่คาดไม่ถึงเชียวนะคะ
การป้องกันทำได้โดย
- ล้างมือ
- กินร้อนช้อนกลาง
- ลด/เลี่ยงการจูบ
หอม สัมผัสเด็ก
- ไม่สัมผัสคนป่วย
- หลีกเลี่ยงไปสถานที่ที่คนเยอะ
- ถ้าลูกเข้าเนอสเซอรรี่แล้ว ให้หยุดเรียนในช่วงระบาดได้
+คลิกดูวิดีโอฉบับเต็ม+
#KidsFamily
*** อยากให้ลูกของเราโตไป มีมากกว่าความฉลาด Kids Family
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น